วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

บริษัทเหล็ก SAIL คาด ราคาถ่านโค้กลด ดันกำไรพุ่งไตรมาสหน้า

บริษัท Steel Authority of India Ltd (SAIL) คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้าเนื่องจากราคาถ่านโค้กมีแนวโน้มลดลง

ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์เหล็กคาดจะทรงตัวในระดับสูงต่อไป

นาย CS Verma ประธานบริษัท SAIL กล่าวว่า กำไรสุทธิของบริษัทสามารถดีดตัวกลับมาเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง เนื่องจากราคาถ่านโค้กที่ลดลงจากที่เคยเตะระดับสูงสุดที่ 350เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เหลือเพียง 300 เหรียญสหรัฐต่อตันฯ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อราคาถ่านโค้กจะลดลงมาอีกราว 50 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เหลือเพียง 250 เหรียญสหรัฐต่อตันฯ

นาย Verma กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าราคาถ่านโค้กลดลง 1 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน จะส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทลดลงมากกว่า 450 ล้านรูปี ต่อปี (ราว 9.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ทั้งนี้บริษัทต้องนำเข้าถ่านโค้กประมาณ 11 ล้านตันต่อปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญของผู้ผลิตเหล็กในปัจจุบัน

ทั้งนี้ อัตราเติบโตของกำไรสุทธิของบริษัทชะลอตัวลงในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจากราคาถ่านโค้กและค่าแรงของพนักงานที่เพิ่มสูงขึ้น โดย SAIL ถือเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของอินเดีย มีรายได้ลดลง 29% ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน หรือมีรายรับอยู่ที่ 8,380 ล้านรูปี (ราว 197 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

สำหรับราคาเหล็กนั้น นาย Verma กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มราคาขึ้นไปประมาณ 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ดีและราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่า ราคาของผลิตภัณฑ์เหล็กจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงต่อไปแม้ว่าราคาวัตถุดิบจะลดลงก็ตาม อุปสงค์สำหรับเหล็กในอินเดียจะยังคงแข็งแกร่ง ตามการใช้จ่ายเรื่องสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นของรับบาล ขณะที่อุปสงค์จากอุตสาหกรรมน่าจะเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม ภายหลังฤดูมรสุมในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนสิ้นสุดลง

นอกจากนี้ นาย Verma กล่าวว่า ความต้องการเหล็กที่มากขึ้นจะส่งผลให้บอดขายเหล็กอินเดียเพิ่มขึ้น 9-10% ในช่วงตุลาคมถึงมีนาคมปีหน้า

เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

คนงานเหมืองถ่านหินของ BHPB นัดประท้วงหยุดงาน

คนงานเหมืองถ่านโค้กของ BHP Billiton Ltd’s ในออสเตรเลียนัดประท้วงหยุดงานอีกครั้งหลังจากการเจรจาต่อรองเรื่องค่าจ้างและสภาพแวดล้อมในการทำงานล้มเหลว การนัดประท้วงหยุดงานครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีของเหมืองถ่านหิน BHP คนงานกว่า 3,500 เข้าร่วมการนัดหยุดงานซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน การนัดหยุดงานนี้สร้างความเสียหายแก่การดำเนินงานของเหมืองถ่านหิน 3 แห่งของ BHP Billiton Mitsubishi Alliance และยังมีทีท่าว่าจะขยายไปยังอีก 4 เหมืองของ BMA

สหภาพแรงงานเรียกร้องให้มีการเพิ่มค่าจ้างพร้อมทั้งปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้น เนื่องจากราคาถ่านหินที่แพงขึ้นได้สร้างกำไรให้แก่กิจการเหมืองถ่านหินซึ่งรวมถึง BHP ด้วย ซึ่งการประท้วงที่ยาวนานจะสร้างความเสียหายแก่การส่งออกวัตถุดิบในการผลิตเหล็ก

เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

อินเดียหวังเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกภายในปี 2013

สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดียหรือ Associated Chambers of Commerce and Industry of India (ASSOCHAM) กล่าวว่า อินเดียจะกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กอันดับสองของโลกภายในปี 2013 ด้วยกำลังการผลิต 120 ล้านตัน

ตามรายงานของสมาคมเหล็กโลก อินเดียผลิตเหล็กดิบทั้งหมด 66.85 ล้านตันในปี 2010 ถือเป็นผู้ผลิตอันดับที่ 5 ของโลก ตามหลังประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย โดยสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดียกล่าวว่า ความต้องการในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจำนวนมากของอินเดียส่งผลให้เกิดการขยายตัวของกำลังการผลิตเหล็กอย่างรวดเร็ว

นาย D.S. Rawat รองเลขาธิการของสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดียกล่าวด้วยว่า อัตราการเติบโตที่สูงขึ้นของสิ่งก่อสร้าง บ้านเรือน รถยนต์และเกษตรกรรมจะหนุนให้อุปสงค์ของเหล็กเพิ่มขึ้นถึง 12% ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม อินเดียจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 150 ล้านตันภายในปี 2020

ตามการรายงานการวิจัยของสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย แสดงให้เห็นว่าการใช้เหล็หเข้มข้น (Steel intensity) ของอินเดียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งรายได้ต่อหัวของประชากรอินเดียจะเข้าใกล้ 10,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ซึ่งส่งผลให้อุปสงค์ของเหล็กเพิ่มขึ้นและคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของการผลิตเหล็กทั่วโลก นาย Rawat กล่าวด้วยว่า รายได้ต่อหัวของคนอินเดียปัจจุบันอยู่ที่ 3,300 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของการบริโภคเหล็ก โดยจะสูงถึง 200 ล้านตันภายในปี 2020 ในขณะที่จีนมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก 2,600 เหรียญสหรัฐฯต่อปี เป็น 7,500 เหรียญสหรัฐฯต่อปีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

อุตสาหกรรมถ่านหินอินโดนีเซียคาดเติบโตในปี 2012

ผลผลิตถ่านหินในอินโดนีเซียมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า ตามการเพิ่มขึ้นของเหมืองใหม่ โดยนาย Supriatna Suhala กรรมการบริหารสมาคมการทำเหมืองถ่านหินแห่งอินโดนีเซีย (Indonesian Coal Mining Association – APBI) กล่าวว่า ผลผลิตถ่านหินและถ่านโค้กของอินโดนีเซียคาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 380 ล้านตันในปี 2012 หรือเพิ่มขึ้น 5% ตามการคาดการณ์

นอกจากนี้ ยังมองว่า ความต้องการถ่านหินของจีนจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าหรือ 6,000 ล้านตัน ใน 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่อินโดนีเซียใช้ถ่านหินสำหรับผลิตไฟฟ้าแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติซึ่งมีไม่เพียงพอ โดยรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้า Perusahaan Listrik Negara ใช้ถ่านหินถึง 57 ล้านตัน หรือคิดเป็น 70% ของความต้องการใช้ถ่านหินทั้งประเทศ ส่วนที่เหลือจะถูกใช้ในอุตสาหกรรมซีเมนต์ ทอง และทองแดง เช่น บริษัท Newmont Nusa Tenggara, Freeport Indonesia and Antam และ nickel producer Inco เป็นต้น นอกจากนี้บางส่วนส่งออกไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะ จีน อินเดียและญี่ปุ่น

นาย Supriatna กล่าวอีกว่า ขณะนี้ความต้องการพลังงานในทุกประเทศทั่วโลก กำลังกระตุ้นให้เหมือนแร่ถ่านหินต่างๆเร่งเพิ่มผลผลิตเพิ่มขึ้น และผลักดันให้บริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานเข้ามาทำธุรกิจถ่านหินมากขึ้น เช่น ประเทศเคนย่า บังกลาเทศ และปากีสถาน ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่อินโดนีเซียจะทำการลงทุนในอุตสาหกรรมถ่านหินเพิ่ม โดยเฉพาะที่เกาะ Kalimantan ซึ่งมีแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์

โดยสมาคมการทำเหมืองถ่านหินแห่งอินโดนีเซียมองว่า ราคาถ่านหินจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในปีหน้า ในขณะที่ ราคาถ่านหินอินโดนีเซียเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 117 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เพิ่มขึ้น 4.5% จากเดือนมกราคม

ทั้งนี้ บริษัท Bumi Resources ถือว่าเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่ของอินโดนีเซีย ตามมาด้วยบริษัท Adaro และ Kideco Jaya Agung

เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

ผลผลิตเหล็กดิบของจีนลดลงกว่า 1% m-o-m ในเดือนสิงหาคม

ผลผลิตเหล็กดิบของจีนในเดือนสิงหาคมลดลง 0.9% m-o-m มาอยู่ที่ 58.75 ล้านตัน เนื่องจากโรงงานหลายแห่งลดการผลิตลงระหว่างการซ่อมบำรุง โรงงานวางแผนซ่อมบำรุงในช่วงนี้เนื่องจากเป็นช่วงที่ความต้องการใช้เหล็กน้อยลงตลอดฤดูร้อน ผลผลิตเหล็กดิบเฉลี่ยรายวันในปีนี้มากกว่า 1.9 ล้านตันต่อวัน โดยมีสถิติสูงสุด 1.998 ล้านตันต่อวันในเดือนมิถุนายน ซึ่งมากกว่าระดับ 1.7 ล้านตันในปีที่ผ่านมา

ผู้ผลิตเหล็กเชื่อว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นหลังจากหมดช่วงการซ่อมบำรุงไปแล้วเนื่องจากยังมีความต้องการใช้เหล็กจากการก่อสร้างในโครงการบ้านราคาถูกอยู่ ผลผลิตเหล็กดิบรวมของจีนในช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 469.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

ธุรกิจก่อสร้างเวียดนามซบเซา ดันสต๊อกเหล็กพุ่ง

Vietnam Business News

สมาคมเหล็กเวียดนามเผย สต๊อกเหล็กมียอดเข้าใกล้ 600,000 ตัน ในขณะที่ธุรกิจก่อสร้างเริ่มเข้าสูงช่วงฤดูหดตัว

สมาคมเหล็กเวียดนามกล่าวว่า เนื่องจากภาวะราคาที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับนโยบายรัฐเข็มขัดของรัฐบาลที่ต้องการควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้อุตสาหกรรมก่อสร้างชะลอตัวลง ซึ่งกระทบต่ออุปสงค์เหล็กให้ลดลงไปด้วย ทั้งนี้นโยบายของรัฐประกอบไปด้วยการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดในกาปล่อยสินเชื่อสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต (Non-Manufacturing Sectors) และการตัดลดงบประมาณในโครงการก่อสร้างของภาครัฐที่ไม่จำเป็นออก

ผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทเหล็กแห่งหนึ่งกล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าเหล็กคงคลังมีถึง 700 ตัน และภาวะตลาดที่ซบเซาของธุรกิจก่อสร้างใหม่ ทำให้บริษัทไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องลดราคาเหล็กลงเพื่อลดสต๊อกเหล็กที่มีอยู่มากเกินไป นั้นหมายถึงบริษัทต้องขาดทุนมหาศาล

นอกจากนี้สมาคมเหล็กเวียดนามยังกล่าวว่า เฉลี่ยแล้วบริษัทเหล็กต้องจ่ายเงินจำนวน 200-300,000 ดอง (ประมาณ 0.3-430 บาท) สำหรับต้นทุนในการสต๊อกเหล็ก 1 ตัน ในแต่ละเดือน โดยคาดว่าบริษัทเหล็กจำนวนมากจะมีค่าใช้จ่ายถึง 120,000-180,000 ล้านดอง (ประมาณ 172-258 ล้านบาท) ต่อเดือน

ในขณะที่ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนามได้กระตุ้นให้บริษัทเหล็กมีแผนการผลิตที่เหมาะสมและจัดการกับสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ดัชนีสินค้าเหล็กคงคลังของเวียดนามตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ตลาดนำเข้าบิลเล็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังนิ่งอยู่

การนำเข้าบิลเล็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชะลอตัวลงเนื่องจากผู้นำเข้ารอดูผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจซึ่งผลักดันให้ความต้องการเหล็กในการก่อสร้างลดลงไปด้วย มีการเสนอขายบิลเล็ตจากเกาหลีที่ราคา 695-700 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr ฟิลิปปินส์ ในขณะที่มีการเสนอขายบิลเล็ตจากเวียดนามที่ราคา 690 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr ฟิลิปปินส์ และมีการเสนอขายบิลเล็ตจากมาเลเซียที่ราคา 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr ฟิลิปปินส์และไทย อย่างไรก็ตามยังคงไม่มีการตกลงซื้อขายในฟิลิปปินส์ในสัปดาห์ก่อน ซึ่งผู้ขายก็ไม่ต้องการลดราคาเสนอขายลงและฝ่ายผู้ซื้อก็ไม่ต้องการขึ้นราคาเสนอซื้อ

ในขณะเดียวกันการนำเข้าบิลเล็ตของอินโดนีเซียก็ชะลอตัวลงเนื่องจากอยู่ในช่วงการถือศีลอด ส่วนเวียดนามและไทยในตอนนี้ก็ใช้บิลเล็ตในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตามผู้ค้าเชื่อว่าตลาดบิลเล็ตจะดีขึ้นหลังจากหมดช่วงวันหยุดในตะวันออกกลางตุรกี และภาคการก่อสร้างก็จะดีขึ้นหลังจากหมดฤดูฝน

**สแลปนำเข้าในเอเชียตะวันออกค่อนข้างเงียบ
ตลาดนำเข้าสแลปในเอเชียตะวันออกค่อนข้างเงียบ มีการเสนอขายเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่มีการตกลงซื้อขายกัน ซึ่งตลาดเริ่มซบเซามาตั้งแต่มีข่าววิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ซื้อลังเลและต้องการจะรอดูสถานการณ์ไปก่อน ในเดือนที่ผ่านมามีการสั่งจองสแลปในราคา 650 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr เอเชียตะวันออก ในขณะที่ผู้ขายตั้งใจจะขายที่ราคา 660-670 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr ในเดือนนี้ แต่ยังไม่มีใครตกลงซื้อ

ในประเทศไทย มีการเสนอขายสแลปสำหรับทำเหล็กแผ่นชนิดม้วนจากเกาหลีและญี่ปุ่นที่ราคา 675-685 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr แต่มีการเสนอซื้อที่ราคา 650 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr ในขระที่เดือนก่อนราคาสั่งจองสแลปอยู่ที่ 655 เหรียญสหรัฐต่อตัน cfr

เหล็กข้ออ้อย,
เหล็กเส้นกลม,